วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คุณสมบัติตามมาตรฐาน และคำแนะนำการเป็น แอร์โฮสเตส

รูป แอร์โฮสเตส นางฟ้าบนเครื่องบิน กับชุดสวย หลากหลายสายการบิน (1/30)

ถ้าพูดถึงอาชีพที่ผู้หญิงไฝ่ฝันอยากจะทำมากที่สุด อาชีพ แอร์โฮสเตส คงเป็น 1 อาชีพต้นๆ ที่ผู้หญิงฝันอยากจะได้เป็นนางฟ้าบนเครื่องบิน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีรายได้ค่อนข้างดี และได้พบปะผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ได้ท่องเที่ยวในหลายประเทศ

วางแผนเป็นแอร์โฮสเตส 

1.  เริ่มจากการเลือกเรียนสาขาที่มีการใช้ภาษาสูงอย่าง สายศิลป์ภาษา
2.  ระดับปริญญาตรี ไม่จำกัดสาขา หากมีความสามารถด้านภาษาและความมั่นใจพร้อม แต่หากให้แนะนำคงต้องเลือกเรียนเป็นคณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ
3.  เลือกติว หรือ อบรมคอร์สแอร์โฮสเตส เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เรารู้ขั้นตอนเกือบทั้งหมดในการสมัครอาชีพแอร์โอสเตส

คุณสมบัติตามมาตรฐาน

1. หากเป็นผู้ชายต้องมีส่วนสูง 165 ซม. ขึ้นไป ผู้หญิงต้องมีส่วนสูง 160 ซม. ขึ้นไป (บางสายการบินก็มีนะคะที่รับ 150 กว่าๆ)
2. แอร์โฮสเตส และ สจ๊วต ควรมีน้ำหนักที่สัมพันธ์กับส่วนสูง โดยมีอัตราน้ำหนักขั้นต่ำของชาย ต้องลบส่วนสูงด้วย100 / หญิง ลบส่วนสูงด้วย 110
3. มีบุคลิกภาพที่ดี สุขภาพสมบูรณ์ ร่างกายไม่เป็นผู้ทุพลภาพ ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคที่สังคมรังเกียจ และโรคที่อาจเป็นผลเสียในการทำงานบนเครื่องบิน
4. ความรู้ขั้นต่ำ คือควรจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 – ปริญญาตรีทุกสาขา
5. ถ้าเป็นชายต้องมีใบสำคัญผ่านทหาร
6. อายุของผู้ชายที่จะมาสมัครต้องมีอายุระหว่าง 21 - 28 ปี ผู้หญิงต้องมีอายุ 21 – 26 ปี อันนี้คือค่าเฉลี่ย แต่ก็มีบางสายการบินเหมือนกันที่จะรับคนที่มีอายุมากกว่านี้
7. ต้องเป็นผู้ที่สายตาดีไม่สั้น แต่ถ้าสายตาสั้นก็สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้ห้ามใส่แว่นตาเด็ดขาด
8. มีสุขภาพฟันดี ถ้าฟันเสียต้องไปทำฟันมาให้เรียบร้อย ควรขูดหินปูนเป็นประจำ
9. ต้องมีความรู้ภาษาต่างประเทศ ภาษาบังคับ คือ ภาษาอังกฤษ มีผลสอบโทอิคอย่างต่ำ 600 คะแนน(จากคะแนเต็ม 990 คะแนน)
10. บางสายการบินอาจให้มีการสอบว่ายน้ำด้วย ดังนั้นผู้ที่จะสมัครควรที่จะว่ายน้ำเป็น
11. ควรหัดแต่งกายให้มีความเคยชิน เพราะการแต่งกายที่ดีทำให้เป็นที่สนใจแก่ผู้ที่พบเห็น ดังนั้นผู้ชายต้องสวมเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแล็คสีดำ ผูกเน็คไท ส่วนผู้หญิงต้องสวมประโปรงชุดทำงานแบบสาวออฟฟิศ ทำผมให้สุภาพ เช่น รวบผมให้ตึง เก็บมวยผมห้ามปล่อย สวมรองเท้าคัชชูหุ้มส้นสูงไม่เกิน 2 นิ้ว สวมถุงน่อง
12. ควรเป็นโสด ผู้หญิงที่มีแฟนแล้วไม่เป็นไร แต่ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้วอาจจะหมดสิทธิ์ได้
13. ไม่มีรอยสักในจุดที่มองเห็นได้อย่างเปิดเผย
14. หูไม่ตึง
15.ไม่ติดยาเสพติด
16. ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม

• การฝึกอบรม 

  “สัปดาห์แรกของเราพอเข้ามาปุ๊บต้องเทรนเรื่องเวชศาสตร์การบิน 5 วัน เรียนเรื่องยา การทำคลอด คือสามารถเป็นผู้ช่วยแพทย์ได้ในกรณีที่มีแพทย์อยู่ด้วย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การให้ยาท้องเสีย ท้องอืด หอบกับหืดต่างกันยังไง ลักษณะโรคต่างกันยังไง เทรนตรงนี้ 5 วัน พอเสร็จตรงนี้ก็จะถูกส่งมาฝึกทางด้านความปลอดภัยของแต่ละชนิดเครื่องบิน อุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ฝึกดับไฟก็ต้องดับไฟจริงๆ ลงน้ำก็ใช้ชูชีพ ใช้ชูชีพยังไง อยู่ยังไง รักษาความอบอุ่นกันยังไง ในกรณีที่เราต้องดำรงชีวิตอยู่ในทะเล กระเป๋ายา อุปกรณ์ฉุกเฉิน แล้ก็ค่อยฟังคำสั่งว่าเราจะไปด้วยกันยังไง ถึงตอนนี้เราจะต้องทำอย่างนี้ๆ นะ ขั้นตอนการให้บริการผู้โดยสาร ในส่วนของอาหารต้องเรียนแม้กระทั่งประโยชน์สมุนไพร โภชนาการ วิธีการประกอบอาหาร อาหารอย่างนี้ประกอบยังไง เพราะบางคนบางศาสนาผู้โดยสารอาจทานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือบางคนทานมังสวิรัติ ก็ต้องรู้ บางคนทานแป้งสาลีไม่ได้เพราะเลือดจะออกในกระเพาะ ก็จะมีอาหารอีกประเภทสำหรับคนประเภทนั้น รายละเอียดเยอะมาก ถ้าเป็นเครื่องดื่มอย่างเช่นในไวน์แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร เหมาะกับอาหารประเภทไหน กิริยามารยาทก็ต้องฝึก เช่น ไม่ใช้การชี้นิ้วมือ แต่ใช้การผายมือแทน เพราะสุภาพกว่า ซึ่งตรงนี้คุณครูจะสอนมารยาทละเอียดมาก” การอบรมใช้เวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ เมื่อผ่านอบรมแล้วก็จะได้ขึ้นเครื่องจริงๆ เพื่อทดลองงาน เที่ยวบินแรกของสุตาคือพม่า เธอบอกตื่นเต้นมาก งานของเธอบนเที่ยวบินแรกคือการขึ้นไปช่วยงานบริการพี่ๆ แอร์โฮสเตสถือเป็นการสังเกตการณ์ เรียนรู้งาน ไฟลท์สังเกตการณ์จะมีทั้งหมด 4 ครั้งเมื่อบินเสร็จแล้วต้องกลับมาเข้าคลาสเรียนอีก ครูผู้อบรมจะให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันว่าไปบินแล้วรู้สึกอย่างไง โดยคุณครูจะคอยเพิ่มเติมความรู้ให้ตลอด

• เส้นทางการทำงาน 

 หลายคนคงอยากรู้ว่า แอร์โฮสเตส ทำงานกันอย่างไง สุตาเล่าให้ฟังว่าพวกเธอต้องมาก่อนไฟลท์ที่จะบิน 2 ชั่วโมงโดยมาพบกันที่สำนักงานกลาง ทุกคนต้องศึกษาว่าวันนี้จะบินไปที่นั่นที่นี่ เวลาต่างกันเท่าไหร่ ต้องรู้ว่ากัปตันครั้งนี้ชื่ออะไร พี่หัวหน้าแอร์คือใคร อินไฟลท์เมเนเจอร์เป็นใคร มีบริการแบบไหน มีเรื่องพิเศษอะไรบ้างมีผู้โดยสารที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษยังไง อาหารที่เสิร์ฟ เครื่องดื่มวันนี้เป็นยังไง นอกจากนั้นทุกคนจะต้องดูวีดีโอเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องนั้นๆ ที่โดยสาร เพื่อทบทวนและมีการทดสอบกันอีกทีในห้องก่อนที่จะออกไปสนามบินด้วยกัน “แล้วเราจะต้องมาถึงเครื่องก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง พอไปยืนบนเครื่องคราวนี้จะเป็นเรื่องของการเตรียมการทุกคนที่ได้รับหน้าที่ว่าใครจะต้องประจำอยู่ ณ ตรงไหน ตรวจเช็กอุปกรณ์ความปลอดภัยของตัวเองให้พร้อม เปลี่ยนชุดเตรียมให้บริการ เช็กอุปกรณ์ทุกอย่าง อุปกรณ์ความปลอดภัยครบมั้ย ห้องน้ำเป็นยังไง อาหารเป็นยังไง อาหารพิเศษของผู้โดยสารที่ต้องดูแลพิเศษมาหรือยัง พอพร้อมแล้วพี่หัวหน้าแอร์ฯจะบอกว่าเตรียมรับผู้โดยสารได้เลย ทุกคนก็จะมายืนประจำเพื่อต้อนรับผู้โดยสาร” ตลอดทั้งเที่ยวบิน พวกเธอก็ต้องคอยดูแลผู้โดยสารซึ่งใช้กำลังเยอะทีเดียว ทั้งเข็นรถอาหาร เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม ดูแลความเรียบร้อย เรียกว่าต้องเดินตลอดการเดินทาง ทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ฉะนั้นพวกเธอจึงต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเสมอ “ชั่วโมงบินมันนาน ตัวเราเองก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความดันอากาศ อากาศที่เปลี่ยนแปลง แล้วเราต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ เวลานอนก็ไม่เหมือนคนที่ทำงานประจำ ฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าไม่ไหวไม่สบาย หรือรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหวัด ถ้าเป็นหวัดหูอื้อ ก็จะไม่ไป แต่ถ้ายังขืนขึ้นไปนี่อาการหูบล็อกมันอันตราย จะไม่ไปเลยนะคะ เพราะว่านอกจากไม่ดีกับตัวเองยังไปทำให้เพื่อนร่วมงานเหนื่อยขึ้นอีก ถามว่าเหนื่อยมั้ย ชินแล้ว พอกลับมาเราก็พักผ่อนเต็มที่ ทางบริษัทเขาก็จัดวันหยุดให้เรา ในการที่จะทำการบินแต่ละครั้งนี่บริษัทคำนวณไว้แล้ว เขาจะมีอัตราค่าความเหนื่อยให้ว่าเราจะต้องพักผ่อนเท่านี้เพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันถูกควบคุมด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่ควบคุมตัวเราเองอีกที เพราะบางทีเราไปในประเทศที่ร้อนจัดแล้วไปประเทศที่เย็น เราก็ต้องเตรียมตัว”

• คำแนะนำของแอร์โฮสเตส 

 “สำหรับคนที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส ขอให้ตอบตัวเองว่าเรารักงานบริการจริงๆ หรือเปล่า เมื่อตอบได้แล้วให้หาข้อมูลให้มากที่สุด อย่าหยุดฝัน ถ้าเรารู้ว่าวันหนึ่งฝันเราเป็นจริงชีวิตมันก็คุ้มค่า อย่าหยุด อย่าท้อ อย่าคิดว่าเป็นแอร์ฯ ต้องสวยหรือเปล่า ต้องเก่งหรือมั้ย ต้องเรียนเมืองนอกหรือเปล่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ไม่ใช่เลย ถ้าคุณมีคุณสมบัติกำหนด บริษัทก็พร้อมจะเลือก ซึ่งเขาเลือกคนดี เลือกคนที่มีความตั้งใจ”

• สิทธิพิเศษของคนเป็นแอร์ 

•มีรายได้รวมสูงกว่าคนทำงานอาชีพอื่นๆ เข้ามาทำงานใหม่ๆ ก็ได้รายได้ประมาณ 40,000-60,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจำนวนรายได้จะขึ้นอยู่กับตารางบินว่าบินระยะใกล้ไกลแค่ไหน ถ้าบินไกล และค้างคืนหลายวันก็ยิ่งได้มาก
• เดินทางไปไหนมาไหนแบบฟรี หรือได้สิทธิ์ในการซื้อตั๋วเครื่องราคาถูกมาก
• สมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ภรรยา หรือสามี และลูก สามารถใช้สิทธิ์เดินทางซื้อตั๋วราคาถูกหรือไปแบบฟรีได้ ถ้าไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการบิน สายการบินจะมีสวัสดิการประกันสุขภาพ สามารถเบิกรักษาพยาบาลได้ทุกแห่งทั่วโลกที่สายการบินมีจุดลง เป็นต้น

cr: mthai.com

5 ความคิดเห็น:

  1. ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ หนูจะตั้งใจเเละทำตามความฝัน...

    ตอบลบ
  2. ลดดน้ำหนักแปป ขอบคุญสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ

    ตอบลบ
  3. มีความฝันอะค่ะ เคยท้อค่ะเมื่อวันที่แล้วเพราะหนูอยู่ป.6แล้วส่วนสูงหนูแค่148ซม.อะค่ะ ก็เลยท้อแต่เพื่อนให้กำลังใจค่ะตอนนี้กำลังออกกำลังกายเพิ่มความสูงค่ะ

    ตอบลบ
  4. ลดน้ำหนักแปป เรียนรู้ภาษาเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย. รอก่อนนะความฝันฉันจะไปหา

    ตอบลบ