วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

10 ข้อดีของอาชีพแอร์โฮสเตส และเรื่องจริงของอาชีพ แอร์โฮสเตส

ข้อดีของอาชีพแอร์โฮสเตส

1. พวกเธอเงินเดือนเยอะ ขนาดน้องใหม่เพิ่งบินยังต้องร้อง "ว้าว!!"

2. ได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ สิ่งนี้แหล่ะที่ทำให้สาวๆเกือบค่อนโลกอยากทำอาชีพนี้

3. อยากไปเที่ยวต่างประเทศก็แสนจะง่ายดาย เพราะซื้อตั๋วเครื่องบินได้ในราคาพนักงานอันแสนจะถูก เช้าบินไปช๊อปปิ้งที่ฮ่องกง เย็นๆค่อยบินกลับ อะไรจะเริ่ดกว่านี้อ่ะเธอ

4. ได้สวมชุดยูนิฟอร์มอันแสนมีเกียจติ ดูปุ๊บก็รู้ป๊าบว่าทำงานอะไร

5. เป็นแอร์ฯไม่ต้องคิดมาก เครื่องแตะพื้นเมื่อไรเป็นอันสแตนบาย

6. มีโอกาสสูงที่ได้เป็นแฟนกับกัปตันหนุ่มรูปหล่อ เพราะได้ใกล้ชิดมากกว่าอาชีพอื่น

7. ได้สิทธิพิเศษไม่ต้องเข้าคิวตอกบัตร์ทำงานเหมือนใคร ถึงสนามบินเมื่อไรก็ทำงานได้ทันที

8. เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ถ้าบริการผู้โดยสารดีๆจะได้รับการชื่นชมเป็นอย่างสูง

9. อาทิตย์หนึ่งบินแค่ 2-3 วัน อีก 4 วันก็พักเริ่ดๆแล้ว แถมยังมีเวลาไปเสริมสวย ไดร์กอร์ฟ สปา ทำเล็บ ฯลฯ

10. สวยได้ในแบบฉบับของแอร์ฯ เป็นหน้าตาของสายการบิน อยากสวยได้ในทุกโอกาสไม่มีใครว่า



ข้อเรื่องจริงของอาชีพแอร์โฮสเตส

1. กว่า 70% ของผู้ที่สอบเป็นแอร์ฯ ต้องตกรอบเป็นจำนวนมาก เพราะทางสายการบินเขาคัดเลือกผู้ที่เหมาะกับความเป็นแอร์ฯจริงๆ (คุณสมบัติต้องครบถ้วนว่างั้น)

2. ความจริงเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะมากนักหรอก ถ้าเดือนไหนบินน้อย เงินเดือนก็จะน้อยตามไปด้วย

3. ที่บอกว่าได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศน่ะ บางทีก็ได้อยู่แค่โรงแรมใกล้ๆและสนามบิน โอกาสน้อยมากที่จะได้ไปเดินโฉมฉายข้างนอกอ่ะ แอร์ฯใหม่ๆบางคนหวังอยากจะบินนอก แต่กลับให้บินแค่เฉพาะในประเทศเพื่อสะสมประสบการณ์ บินวนไปวนมา เมื่อคราวบินนอกจริงๆ คุณก็เบื่อไปซะแล้ว

4. สิ่งของล่อตาล่อใจสูงมาก เจอกระเป๋าใบละหมื่น อดไม่ได้ โอกาสที่จะมีเงินเก็บเหมือนคนอื่นๆแทบเท่ากับ 0

5. ต้องทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่ล้างห้องน้ำ ล้างถ้วยล้างชาม ขายของปลอดภาษี (ด้วยรถเข็นอันแสนหนักT_T)

6. ต้องปวดหัวกับผู้โดยสารจอมจู้จี้ คนนี้จะเอานั้น คนโน้นจะเอานี้ วุ่นวายไปหมด เผลอๆบริการช้าอาจเจอเทศน์ไปโดยปริยาย

7. ถ้าผู้โดยสารพักผ่อน หรือหลับตลอดเส้นทาง นั้นก็ยังเป็นเวลาทำงานของแอร์ฯ ถ้าอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไร กัปตันจะหันมามองด้วยสายตาที่ว่า "ทำงานหรือเปล่าจ๊ะน้อง"

8. วันไหนที่ได้หยุดพัก ไม่ได้แสดงว่าหยุดทำงาน ถ้าได้รับโทรศัพท์จากสายการบินเมื่อไร เตรียมตัวทำงานเมื่อนั้น

9. ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่ซักเสื้อผ้าและอื่นๆสารพัดเมื่อไปพักต่างประเทศ แอร์ฯบางคนอยู่ที่บ้านยังมีคนรับใช้ทำงานให้เยอะถมไป

10. อาชีพแอร์ฯต้องแข่งกับเวลา ทางสายการบินตรวจตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม เล็บ ไม่ใช่อยากสวยยังไงก็ได้ตามใจฉัน

credit : www.unigang.com

คุณสมบัติตามมาตรฐาน และคำแนะนำการเป็น แอร์โฮสเตส

รูป แอร์โฮสเตส นางฟ้าบนเครื่องบิน กับชุดสวย หลากหลายสายการบิน (1/30)

ถ้าพูดถึงอาชีพที่ผู้หญิงไฝ่ฝันอยากจะทำมากที่สุด อาชีพ แอร์โฮสเตส คงเป็น 1 อาชีพต้นๆ ที่ผู้หญิงฝันอยากจะได้เป็นนางฟ้าบนเครื่องบิน เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่มีรายได้ค่อนข้างดี และได้พบปะผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ได้ท่องเที่ยวในหลายประเทศ

วางแผนเป็นแอร์โฮสเตส 

1.  เริ่มจากการเลือกเรียนสาขาที่มีการใช้ภาษาสูงอย่าง สายศิลป์ภาษา
2.  ระดับปริญญาตรี ไม่จำกัดสาขา หากมีความสามารถด้านภาษาและความมั่นใจพร้อม แต่หากให้แนะนำคงต้องเลือกเรียนเป็นคณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ
3.  เลือกติว หรือ อบรมคอร์สแอร์โฮสเตส เป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เรารู้ขั้นตอนเกือบทั้งหมดในการสมัครอาชีพแอร์โอสเตส

คุณสมบัติตามมาตรฐาน

1. หากเป็นผู้ชายต้องมีส่วนสูง 165 ซม. ขึ้นไป ผู้หญิงต้องมีส่วนสูง 160 ซม. ขึ้นไป (บางสายการบินก็มีนะคะที่รับ 150 กว่าๆ)
2. แอร์โฮสเตส และ สจ๊วต ควรมีน้ำหนักที่สัมพันธ์กับส่วนสูง โดยมีอัตราน้ำหนักขั้นต่ำของชาย ต้องลบส่วนสูงด้วย100 / หญิง ลบส่วนสูงด้วย 110
3. มีบุคลิกภาพที่ดี สุขภาพสมบูรณ์ ร่างกายไม่เป็นผู้ทุพลภาพ ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง หรือโรคที่สังคมรังเกียจ และโรคที่อาจเป็นผลเสียในการทำงานบนเครื่องบิน
4. ความรู้ขั้นต่ำ คือควรจบการศึกษาในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 – ปริญญาตรีทุกสาขา
5. ถ้าเป็นชายต้องมีใบสำคัญผ่านทหาร
6. อายุของผู้ชายที่จะมาสมัครต้องมีอายุระหว่าง 21 - 28 ปี ผู้หญิงต้องมีอายุ 21 – 26 ปี อันนี้คือค่าเฉลี่ย แต่ก็มีบางสายการบินเหมือนกันที่จะรับคนที่มีอายุมากกว่านี้
7. ต้องเป็นผู้ที่สายตาดีไม่สั้น แต่ถ้าสายตาสั้นก็สามารถใส่คอนแทคเลนส์ได้ห้ามใส่แว่นตาเด็ดขาด
8. มีสุขภาพฟันดี ถ้าฟันเสียต้องไปทำฟันมาให้เรียบร้อย ควรขูดหินปูนเป็นประจำ
9. ต้องมีความรู้ภาษาต่างประเทศ ภาษาบังคับ คือ ภาษาอังกฤษ มีผลสอบโทอิคอย่างต่ำ 600 คะแนน(จากคะแนเต็ม 990 คะแนน)
10. บางสายการบินอาจให้มีการสอบว่ายน้ำด้วย ดังนั้นผู้ที่จะสมัครควรที่จะว่ายน้ำเป็น
11. ควรหัดแต่งกายให้มีความเคยชิน เพราะการแต่งกายที่ดีทำให้เป็นที่สนใจแก่ผู้ที่พบเห็น ดังนั้นผู้ชายต้องสวมเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงสแล็คสีดำ ผูกเน็คไท ส่วนผู้หญิงต้องสวมประโปรงชุดทำงานแบบสาวออฟฟิศ ทำผมให้สุภาพ เช่น รวบผมให้ตึง เก็บมวยผมห้ามปล่อย สวมรองเท้าคัชชูหุ้มส้นสูงไม่เกิน 2 นิ้ว สวมถุงน่อง
12. ควรเป็นโสด ผู้หญิงที่มีแฟนแล้วไม่เป็นไร แต่ถ้าจดทะเบียนสมรสแล้วอาจจะหมดสิทธิ์ได้
13. ไม่มีรอยสักในจุดที่มองเห็นได้อย่างเปิดเผย
14. หูไม่ตึง
15.ไม่ติดยาเสพติด
16. ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม

• การฝึกอบรม 

  “สัปดาห์แรกของเราพอเข้ามาปุ๊บต้องเทรนเรื่องเวชศาสตร์การบิน 5 วัน เรียนเรื่องยา การทำคลอด คือสามารถเป็นผู้ช่วยแพทย์ได้ในกรณีที่มีแพทย์อยู่ด้วย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การให้ยาท้องเสีย ท้องอืด หอบกับหืดต่างกันยังไง ลักษณะโรคต่างกันยังไง เทรนตรงนี้ 5 วัน พอเสร็จตรงนี้ก็จะถูกส่งมาฝึกทางด้านความปลอดภัยของแต่ละชนิดเครื่องบิน อุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ฝึกดับไฟก็ต้องดับไฟจริงๆ ลงน้ำก็ใช้ชูชีพ ใช้ชูชีพยังไง อยู่ยังไง รักษาความอบอุ่นกันยังไง ในกรณีที่เราต้องดำรงชีวิตอยู่ในทะเล กระเป๋ายา อุปกรณ์ฉุกเฉิน แล้ก็ค่อยฟังคำสั่งว่าเราจะไปด้วยกันยังไง ถึงตอนนี้เราจะต้องทำอย่างนี้ๆ นะ ขั้นตอนการให้บริการผู้โดยสาร ในส่วนของอาหารต้องเรียนแม้กระทั่งประโยชน์สมุนไพร โภชนาการ วิธีการประกอบอาหาร อาหารอย่างนี้ประกอบยังไง เพราะบางคนบางศาสนาผู้โดยสารอาจทานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือบางคนทานมังสวิรัติ ก็ต้องรู้ บางคนทานแป้งสาลีไม่ได้เพราะเลือดจะออกในกระเพาะ ก็จะมีอาหารอีกประเภทสำหรับคนประเภทนั้น รายละเอียดเยอะมาก ถ้าเป็นเครื่องดื่มอย่างเช่นในไวน์แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร เหมาะกับอาหารประเภทไหน กิริยามารยาทก็ต้องฝึก เช่น ไม่ใช้การชี้นิ้วมือ แต่ใช้การผายมือแทน เพราะสุภาพกว่า ซึ่งตรงนี้คุณครูจะสอนมารยาทละเอียดมาก” การอบรมใช้เวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ เมื่อผ่านอบรมแล้วก็จะได้ขึ้นเครื่องจริงๆ เพื่อทดลองงาน เที่ยวบินแรกของสุตาคือพม่า เธอบอกตื่นเต้นมาก งานของเธอบนเที่ยวบินแรกคือการขึ้นไปช่วยงานบริการพี่ๆ แอร์โฮสเตสถือเป็นการสังเกตการณ์ เรียนรู้งาน ไฟลท์สังเกตการณ์จะมีทั้งหมด 4 ครั้งเมื่อบินเสร็จแล้วต้องกลับมาเข้าคลาสเรียนอีก ครูผู้อบรมจะให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันว่าไปบินแล้วรู้สึกอย่างไง โดยคุณครูจะคอยเพิ่มเติมความรู้ให้ตลอด

• เส้นทางการทำงาน 

 หลายคนคงอยากรู้ว่า แอร์โฮสเตส ทำงานกันอย่างไง สุตาเล่าให้ฟังว่าพวกเธอต้องมาก่อนไฟลท์ที่จะบิน 2 ชั่วโมงโดยมาพบกันที่สำนักงานกลาง ทุกคนต้องศึกษาว่าวันนี้จะบินไปที่นั่นที่นี่ เวลาต่างกันเท่าไหร่ ต้องรู้ว่ากัปตันครั้งนี้ชื่ออะไร พี่หัวหน้าแอร์คือใคร อินไฟลท์เมเนเจอร์เป็นใคร มีบริการแบบไหน มีเรื่องพิเศษอะไรบ้างมีผู้โดยสารที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษยังไง อาหารที่เสิร์ฟ เครื่องดื่มวันนี้เป็นยังไง นอกจากนั้นทุกคนจะต้องดูวีดีโอเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องนั้นๆ ที่โดยสาร เพื่อทบทวนและมีการทดสอบกันอีกทีในห้องก่อนที่จะออกไปสนามบินด้วยกัน “แล้วเราจะต้องมาถึงเครื่องก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง พอไปยืนบนเครื่องคราวนี้จะเป็นเรื่องของการเตรียมการทุกคนที่ได้รับหน้าที่ว่าใครจะต้องประจำอยู่ ณ ตรงไหน ตรวจเช็กอุปกรณ์ความปลอดภัยของตัวเองให้พร้อม เปลี่ยนชุดเตรียมให้บริการ เช็กอุปกรณ์ทุกอย่าง อุปกรณ์ความปลอดภัยครบมั้ย ห้องน้ำเป็นยังไง อาหารเป็นยังไง อาหารพิเศษของผู้โดยสารที่ต้องดูแลพิเศษมาหรือยัง พอพร้อมแล้วพี่หัวหน้าแอร์ฯจะบอกว่าเตรียมรับผู้โดยสารได้เลย ทุกคนก็จะมายืนประจำเพื่อต้อนรับผู้โดยสาร” ตลอดทั้งเที่ยวบิน พวกเธอก็ต้องคอยดูแลผู้โดยสารซึ่งใช้กำลังเยอะทีเดียว ทั้งเข็นรถอาหาร เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม ดูแลความเรียบร้อย เรียกว่าต้องเดินตลอดการเดินทาง ทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ฉะนั้นพวกเธอจึงต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเสมอ “ชั่วโมงบินมันนาน ตัวเราเองก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความดันอากาศ อากาศที่เปลี่ยนแปลง แล้วเราต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ เวลานอนก็ไม่เหมือนคนที่ทำงานประจำ ฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าไม่ไหวไม่สบาย หรือรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหวัด ถ้าเป็นหวัดหูอื้อ ก็จะไม่ไป แต่ถ้ายังขืนขึ้นไปนี่อาการหูบล็อกมันอันตราย จะไม่ไปเลยนะคะ เพราะว่านอกจากไม่ดีกับตัวเองยังไปทำให้เพื่อนร่วมงานเหนื่อยขึ้นอีก ถามว่าเหนื่อยมั้ย ชินแล้ว พอกลับมาเราก็พักผ่อนเต็มที่ ทางบริษัทเขาก็จัดวันหยุดให้เรา ในการที่จะทำการบินแต่ละครั้งนี่บริษัทคำนวณไว้แล้ว เขาจะมีอัตราค่าความเหนื่อยให้ว่าเราจะต้องพักผ่อนเท่านี้เพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันถูกควบคุมด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่ควบคุมตัวเราเองอีกที เพราะบางทีเราไปในประเทศที่ร้อนจัดแล้วไปประเทศที่เย็น เราก็ต้องเตรียมตัว”

• คำแนะนำของแอร์โฮสเตส 

 “สำหรับคนที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส ขอให้ตอบตัวเองว่าเรารักงานบริการจริงๆ หรือเปล่า เมื่อตอบได้แล้วให้หาข้อมูลให้มากที่สุด อย่าหยุดฝัน ถ้าเรารู้ว่าวันหนึ่งฝันเราเป็นจริงชีวิตมันก็คุ้มค่า อย่าหยุด อย่าท้อ อย่าคิดว่าเป็นแอร์ฯ ต้องสวยหรือเปล่า ต้องเก่งหรือมั้ย ต้องเรียนเมืองนอกหรือเปล่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ไม่ใช่เลย ถ้าคุณมีคุณสมบัติกำหนด บริษัทก็พร้อมจะเลือก ซึ่งเขาเลือกคนดี เลือกคนที่มีความตั้งใจ”

• สิทธิพิเศษของคนเป็นแอร์ 

•มีรายได้รวมสูงกว่าคนทำงานอาชีพอื่นๆ เข้ามาทำงานใหม่ๆ ก็ได้รายได้ประมาณ 40,000-60,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจำนวนรายได้จะขึ้นอยู่กับตารางบินว่าบินระยะใกล้ไกลแค่ไหน ถ้าบินไกล และค้างคืนหลายวันก็ยิ่งได้มาก
• เดินทางไปไหนมาไหนแบบฟรี หรือได้สิทธิ์ในการซื้อตั๋วเครื่องราคาถูกมาก
• สมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ภรรยา หรือสามี และลูก สามารถใช้สิทธิ์เดินทางซื้อตั๋วราคาถูกหรือไปแบบฟรีได้ ถ้าไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการบิน สายการบินจะมีสวัสดิการประกันสุขภาพ สามารถเบิกรักษาพยาบาลได้ทุกแห่งทั่วโลกที่สายการบินมีจุดลง เป็นต้น

cr: mthai.com